Monthly Archives: March 2016

การจัดการความรู้เรื่องแผลกดทับ

km2 ผู้มารับบริการในขอบเขตที่โรงพยาบาลอินทร์บุรีรับผิดชอบนั้น ประกอบไปด้วยผู้ป่วยฉุกเฉินและ โรคเรื้อรัง ซึ่งผู้ป่วยเรื้อรังเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ในขณะที่โรงพยาบาลมีจำนวนเตียงจำกัดที่จะรับไว้รักษาจึงเป็นเหตุให้ผู้ป่วยถูกจำหน่ายกลับบ้านออกจากโรงพยาบาล ในขณะที่ผู้ป่วยยังต้องรับการดูแลอย่างต่อเนื่องทำให้ต้องมีการดูแลสุขภาพที่บ้าน (Home Health Care) เพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่รู้สึกถูกทอดทิ้งจากบุคลากรในทีมสุขภาพ เสียค่าใช้จ่ายถูกกว่าในโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังพบว่าภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยมากในผู้ป่วยกลุ่มนี้คือ การเกิดแผลกดทับ (Bed sore ,Pressure sore)

กลุ่มการพยาบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาการเกิดแผลกดทับ โดยได้จัดตั้งคณะกรรมการประกันคุณภาพทางการพยาบาลโดยแต่งตั้งคณะกรรมการจากทุกหอผู้ป่วยมาร่วม คิดหาแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับขึ้นในโรงพยาบาล โดยในปี 2553 มีการนำเอา Barden scale มาใช้ประเมินผู้ป่วยที่มีกลุ่มเสี่ยงทุกราย การใส่อุปกรณ์การป้องกันการเกิดแผลกดทับ การใช้ตารางพลิกตะแคงตัว การคิดและประยุกต์นวัตกรรมมาใช้เพิ่มขึ้นให้เหมาะกับบริบทของแต่ละหน่วยงาน จากการประเมินติดตาม พบว่าอัตราการเกิดแผลกดทับในปี 2553 ถึงปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงระดับหนึ่ง และจากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า มีปัญหาจากบุคลากรขาดความตระหนักถึงปัญหาแผลกดทับรวมทั้งขั้นตอนการปฏิบัติที่แตกต่างกัน ภาระหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น อุปกรณ์ที่ไม่เพียงพอ นอกจากนี้แนวปฏิบัติในการวางแผนการจำหน่ายผู้ป่วยกลับบ้าน การสอนญาติในการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันแผลกดทับ เทคนิคการทำแผลต่อเนื่อง ยังไม่ได้ถูกส่งต่อไปยังชุมชนและโรงพยาบาลในเครือข่าย

km1

เน้นผู้ปฏิบัติมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน (Tacit Knowledge) และสร้างช่องทางเชื่อมต่อความรู้เชิงประจักษ์ (Evidence Based Practice) มุ่งสู่การปฏิบัติที่ดีเลิศ (Best Practice) เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในวิชาชีพอย่างไม่สิ้นสุดต่อไป จึงได้จัดทำโครงการ การจัดการความรู้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องแผลกดทับ โดยให้พยาบาลวิชาชีพซึ่งเป็นตัวแทนแต่ละหอผู้ป่วยเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดการความรู้เรื่องแผลกดทับในหอผู้ป่วย

Download เอกสาร> การจัดการความรู้เรื่องแผลกดทับ

KM Sepsis

km3โรงพยาบาลอินทร์บุรีเป็นโรงพยาบาลทั่วไป ระดับทุติยภูมิในจังหวัดสิงห์บุรีและเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายในการรับส่งต่อผู้ป่วยเพื่อการรักษาจากโรงพยาบาลชุมชน พบว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตมารับการตรวจรักษาจำนวนมาก ทั้งภาวะ sepsis ,severe sepsis และ septic shock ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 64.66) มีการติดเชื้อมาจากชุมชน ที่เหลือ(ร้อยละ 18.92 และ 17.12) เกิดการติดเชื้อในโรงพยาบาลและติดเชื้อจากการรับ refer  เข้ามาตามลำดับ ตำแหน่งที่พบการติดเชื้อบ่อย ได้แก่ ปอด (ร้อยละ 37.07), ระบบทางเดินปัสสาวะ (ร้อยละ25.00) และระบบทางเดินอาหาร (ร้อยละ 25.00) เชื้อก่อโรคที่สำคัญ ได้แก่  E. coli (ร้อยละ25.86), Kebsiellal pneumoniae (ร้อยละ 12.93) และ A. baumannii (ร้อยละ10.34)  ซึ่งการติดเชื้อเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตของผู้ป่วยในโรงพยาบาล (ข้อมูลจากโรงพยาบาลอินทร์บุรี, 2558) การประเมินภาวะ sepsis ,severe sepsis, septic shock และการจัดการดูแลเบื้องต้นอย่างถูกต้องรวดเร็วเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอด ปลอดภัยหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด

KM Sepsis
เอกสาร
บทที่ 1 บริบทโรงพยาบาลอินทร์บุรี
Download
บทที่ 2 Explicit  Knowledge
Download
บทที่ 3 บทสรุป
Download